พวกเราทราบกันดีอยู่แล้วว่า งานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นนั้น จะมีค่าตอบแทนที่ค่อนข้างสูง
โดยเฉพาะล่าม Freelance หรือ นักแปล Freelance ภาษาญี่ปุ่น ซึ่งต้องอาศัยความสามารถของภาษาญี่ปุ่นในระดับสูง
สิ่งที่น่าดึงดูดคือ ทำงานระยะสั้นๆ แต่ได้ผลตอบแทนที่ดีมาก เรียกได้ว่าทำงานไม่กี่วันก็มีกินไปทั้งเดือน
เป็นงานในฝันของหลายๆคนที่เรียนภาษาญี่ปุ่นกันอยู่ หรือแม้กระทั่งคนที่ทำงานด้านภาษาญี่ปุ่นเลยทีเดียว
ล่าม Freelance หรือนักแปล Freelance ภาษาญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จะเคยทำงานประจำกันมาแล้วทั้งสิ้น
จะมีเพียงไม่กี่คนที่เรียนจบมาก็เลือกมาทำงานล่ามระยะสั้นก่อนเลย
เพราะงานภาษาญี่ปุ่นระยะสั้นนั้น จะเป็นงานที่ต้องการความรู้ความสามารถภาษาญี่ปุ่นในระดับที่สูง
อีกทั้ง ยังจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ในเรื่องที่จะแปลหรือล่ามนั้นๆด้วย
ดังนั้น ควรจะเก็บประสบการณ์ หรือเก็บเลเวล ในส่วนของงานประจำก่อน
ซึ่งทำได้ทั้งแบบ Full-time หรือเป็นสัญญาจ้างระยะยาว เช่น 1 ปี เป็นต้น
และควรจะเลือกทำงานกับบริษัทเล็กๆ ที่ไม่ใหญ่มาก เพราะจะทำให้เราได้ใช้ความสามารถและได้ทำงานที่หลากหลาย
กว่างานของบริษัทใหญ่ๆ ที่มีบุคลากรเยอะ ทำงานเฉพาะด้านที่ตนรับผิดชอบ ไม่ค่อยมีโอกาสทำงานด้านอื่น
การทำงานกับบริษัทเล็กนั้น นอกจากจะต้องแปลหรือล่ามภาษาญี่ปุ่น ให้กับธุรกิจหลักของบริษัทแล้ว
เราจะได้ความรู้และประสบการณ์ในเรื่องการประสานงานภายใน และภายนอกบริษัท รวมถึงงานด้านบัญชี ฝ่ายบุคคล รวมไปถึงด้าน IT เบื้องต้นอีกด้วย
การที่จบการศึกษาใหม่ แล้วเริ่มต้นมาเป็นล่ามหรือนักแปล Freelance เลยนั้น ค่อนข้างเสี่ยง เพราะประสบการณ์ยังน้อย
การที่จะถูกจ้างงานจะมีโอกาสน้อยลงไปด้วย นอกเสียจากว่าเรารับงานล่ามหรือแปลภาษาญี่ปุ่นอยู่แล้วในสมัยเรียน อันนี้จะมีโอกาสได้รับการจ้างงานมากขึ้นเล็กน้อย
ก่อนอื่นเราควรจะทราบราคาตลาด หรือราคากลางของงานล่ามและงานแปลภาษาญี่ปุ่นก่อน
สำหรับงานล่ามนั้น ส่วนใหญ่จะแบ่งกันเป็นระดับภาษาญี่ปุ่น ขอยกตัวอย่างล่ามภาษาญี่ปุ่นรายวัน ดังนี้
N1 ประมาณ 6,000 ~ 8,000 บาท/วัน
N2 ประมาณ 4,000 ~ 6,000 บาท/วัน
ส่วนระดับอื่นๆนั้นก็จะลดหย่อนกันไปเรื่อยๆ และจำนวนวันที่ทำงาน ยิ่งมาก ค่าจ้างต่อวันจะราคาถูกลง
ส่วนงานแปลนั้น จะขึ้นอยู่กับลักษณะงานว่าต้องการเป็นทางการระดับไหน โดยจะอยู่ในช่วงประมาณหน้าละ 300 ~ 800 บาท อาจจะถูกแพงกว่านี้เล็กน้อย
และถ้าหากล่ามหรือนักแปลภาษาญี่ปุ่นนั้น มีความสามารถภาษาอังกฤษด้วย ก็จะสามารถรับงานที่เป็นลักษณะสามภาษาได้ ทำให้ได้ค่าจ้างที่สูงขึ้นอีกพอสมควรเลย
ทั้งนี้งานล่ามภาษาญี่ปุ่นนั้น จะมีงานอีกลักษณะหนึ่งคือ แปลไปพร้อมกับผู้พูดเลย (同時通訳) ซึ่งเป็นงานที่มีความยากสูง แต่ก็ได้ค่าตอบแทนสูงขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกัน
เนื่องจากงานล่ามภาษาญี่ปุ่น Freelance หรือนักแปลภาษาญี่ปุ่น Freelance นั้น จะไม่ได้มีงานเข้ามาตลอด
อาจจะทำให้บางช่วงขาดรายได้ ผมจะแนะนำแนวทางปฏิบัติดังนี้
1) เช็คเว็บไซต์ประกาศงานหรือ Facebook เพจสำหรับหางานภาษาญี่ปุ่นบ่อยๆ ถ้ามีงานไหนน่าสนใจ อย่ารีรอที่จะติดต่อไป
2) ผูกมิตรกับ Recruiter หรือ Head Hunter ต่างๆไว้ อัพเดทประวัติไปให้เขาเหล่านั้นบ่อยๆ ถ้ามีงานมาเขาจะติดต่อมาหาเราเอง
3) เมื่อมีโอกาสได้ทำงานจริง ควรจะทำให้ลูกค้าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อที่ต่อไปลูกค้าเขาจะอยากให้เราไปล่ามหรือแปลให้ในงานอื่นๆอีก
4) พยายามรับงานที่หลากหลายขึ้นถ้ามีโอกาส เพื่อเก็บความรู้และประสบการณ์ หากเรามีประสบการณ์ที่หลากหลาย ก็จะมีโอกาสที่จะได้รับงานง่ายขึ้นนั่นเอง
5) รวมกลุ่มกันกับล่ามภาษาญี่ปุ่นและนักแปลภาษาญี่ปุ่นด้วยกัน เพื่อเป็นการแชร์งานกัน ในกรณีที่เราหรือคนในกลุ่มไม่ว่างทำงาน จะได้ผลัดเปลี่ยนไปทำงานแทนกันได้
1) ขยันหาความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่นอยู่ตลอดเวลา เพราะอย่าลืมว่าภาษาเปลี่ยนแปลงไปทุกวันเช่นกัน
2) หากยังมีประสบการณ์ไม่เยอะในงานด้านนั้นๆ แต่อยากจะลองทำ ให้ลองคิดค่าจ้างแบบถูกๆไว้ก่อน คิดเอาไว้เสมอว่าประสบการณ์สำคัญที่สุด
3) เนื่องจากล่ามภาษาญี่ปุ่น Freelance และนักแปลภาษาญี่ปุ่น Freelance นั้น อีกนัยยะนึงก็คือคู่แข่งกัน แต่อย่าพยายามไปตัดราคากัน ควรจะแข่งขันกันที่ความสามารถมากกว่า สุดท้ายแล้วตลาดหรือลูกค้าจะเป็นคนตัดสินเอง
4) ควรจะสอบวัดระดับภาษาให้อยู่ในเกณฑ์ความสามารถปัจจุบัน เมื่อพร้อมแล้วจึงลองสอบในระดับที่ยากขึ้น ซึ่งใบสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นนี้ จะมีผลอย่างมากในการพิจารณาคัดเลือกงานภาษาญี่ปุ่นแบบระยะสั้นหรือ Freelance
สุดท้ายนี้ ใครคิดว่าตัวเองพร้อมที่จะเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่น Freelance หรือนักแปลภาษาญี่ปุ่น Freelance ก็ลุยได้เลยครับ การลงมือทำสำคัญที่สุด สู้ๆ