สำหรับน้องๆ เพื่อนๆ ที่กำลังจะจบการศึกษาจากต่างประเทศ (ญี่ปุ่น) หลายๆคน กังวลว่ากลับมาไทยแล้วจะมีงานทำไหม หางานยากไหม หางานได้ที่ไหน
หนิงเลยอยากเล่าให้ฟังว่า การหางานไทยเป็นอย่างไร งานสำหรับคนที่จบจากญี่ปุ่นมีมากน้อยแค่ไหนค่ะ ลองมาดูกัน
ถ้าที่ญี่ปุ่นน้องๆ เพื่อนๆ อาจจะต้องเริ่มหางานตั้งแต่ยังเรียนปีสาม ปีสี่ แต่ที่ไทยเราไม่ต้องรีบขนาดนั้นค่ะ ส่วนใหญ่แล้วนักเรียนที่จบที่ไทยจะเริ่มต้นหางาน ก่อนรับปริญญาประมาณ 1-2 เดือน
แต่สำหรับคนที่จบจากต่างประเทศ มักจะจบแล้วเดินทางกลับถึงไทยแล้ว ถึงเริ่มต้นหางานค่ะ หรือสามารถฝากประวัติเข้ามา ให้กับบริษัทจัดหางานต่างๆ (Recruitment Agency)
ก่อนเดินทางกลับมาที่ประเทศไทย ประมาณ 1-2 เดือน เพื่อเตรียมตัวได้เลยค่ะ หากสนใจให้เราบริษัทจัดหางาน ไอเดียบอย ช่วยหางานให้ สามารถส่งประวัติเข้ามาฝากไว้ได้ตามอีเมลนี้เลยค่ะ info@ideaboy.co.th
การสมัครงานที่ไทย มีหลายรูปแบบค่ะ น้องๆ เพื่อนๆ ที่ญี่ปุ่นอาจจะคุ้นเคยกับการไป 説明会 แต่ทีไทยจะไม่ค่อยมีบริษัทที่จัด 説明会ค่ะ แล้วเราจะหากันยังไง ที่ไทยบริษัทจะเปิดรับก็ต่อเมื่อมีตำแหน่งว่างค่ะ หรือว่าต้องการขยายกิจการ
ตอนที่ที่ประเทศไทย งานมีเยอะกว่าคนค่ะ (คนที่คุณสมบัติตรงกับที่ต้องการมีไม่เพียงพอ) ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีงานทำ
ผู้สมัครงานจะต้องหาดูตำแหน่งที่บริษัทเปิดรับได้ที่ เว็บไซต์หางาน ต่างๆ เช่น JobThai, JobsDB, Jobtopgun, JobBKK, Facebook (เพจหางานต่างๆ) เช่น
หางานภาษาญี่ปุ่น, Towaiwai, Linkedin หรือ เว็บไซต์เรา IDEABOY Recruitment ก็มีเหมือนกันค่ะ (อัพเดททุกวัน)
หรือไปฝากประวัติไว้กับบริษัทจัดหางาน (รีครูทเม้นต์ เอเจนซี่) ที่ลงทะเบียนกับกรมการจัดหางานอย่างถูกต้อง สังเกตุง่ายๆ จากชื่อค่ะ ต้องมีคำว่า จัดหางาน, recruitment, manpower, personal เช่น IDEABOY Recruitment Co., Ltd.
หรือค้นหาจากอินเตอร์เน็ตที่เว็บไซต์ Google ได้เลย มีบริษัทจัดหางานเยอะแยะมากมายค่ะ
ที่ไทยคนหางาน จะต้องทำประวัติของตัวเอง สำหรับคนที่เคยทำงานมาแล้ว การทำ Resume หรือ Curriculum Vitae ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพราะเรื่องที่จะเขียนเอามาจากที่เคยทำมา แต่สำหรับน้องๆ เพื่อนๆ ที่เพิ่งเรียนจบใหม่ การเขียนประวัติเหล่านี้ก็ถือว่ายากเหมือนกัน เพราะว่าเราไม่มีประวัติการทำงาน
ยกตัวอย่างของหนิงเอง ตอนที่เรียนจบใหม่ หนิงก็จะเขียนประวัติการศึกษา เริ่มจากม.ปลาย - ป.ตรี (อย่าลืมใส่ รร.สอนภาษาด้วยนะคะ) หากได้รับทุนการศึกษา หรือรางวัลต่างๆ การระบุว่าเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลไทย เช่น ทุน ODOS ก็ช่วยได้ค่ะ
ระบุตำแหน่งงานที่สนใจ หรือ ที่ต้องการสมัคร (อันนี้ถ้าสมัครตรง ต้องระบุชื่อตำแหน่งให้ถูกต้อง แต่ถ้าสมัครผ่านบริษัทจัดหางาน หรือที่เรียกว่า รีครูทเม้นต์ เอเจนซี่ ควรจะแจ้งไปว่าเราสนใจงานสายไหน ตำแหน่งไหนบ้าง เพื่อให้เขาแนะนำงานมาให้ตรงกับความต้องการของเราค่ะ
หัวข้อที่ควรจะมีในประวัติสำหรับสมัครงาน
• ชื่อ – นามสกุล, เพศ, อายุ
• รูปถ่ายหน้าตรง สำหรับสมัครงาน (อันนี้สำคัญมาก บางคนไม่ยอมใส่รูปถ่าย)
• ที่อยู่ปัจจุบัน เบอร์โทรศัพท์ E-mail หรือที่อยู่การติดต่ออื่นๆที่ติดต่อเราได้เร็ว
• ตำแหน่งที่ต้องการสมัคร หรือ งานที่อยากทำ (หากไม่รู้ชื่อตำแหน่ง)
• ประวัติการศึกษา ตั้งแต่ ม.ปลายถึงสูงสุด
• ประวัติการทำงานพิเศษ (ต้องระบุให้ชัดเจนว่าคืองานพาร์ทไทม์นะคะ) เช่น เคยเป็นล่ามในงานแสดงสินค้าที่ญี่ปุ่น เคยทำงานร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านอาหารไทยต่างๆ ระบุชื่อร้าน ชื่อองค์กรที่เราทำงานให้ให้ชัดเจนนะคะ
• ประวัติการร่วมกิจกรรม การประกวดต่างๆ (เช่น เป็นอาสาสมัคร เข้าร่วมการแข่งขันกีฬา ต่างๆ เป็นต้น)
• รางวัลเคยได้รับตอนที่เรียน เช่น ตอนเรียนจบได้ที่ 1 ของคณะ, เกียรตินิยมต่างๆ เป็นต้น
• สำหรับคนที่ทำโปรเจ็คท์จบ เนื้อหานี่สนใจหรือคิดว่ามีความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่เราสมัคร ควรใส่มาด้วยค่ะ เพื่อเปิดโอกาสให้คนสัมภาษณ์ได้ถามเราถึงเรื่องนี้ แต่ต้องเตรียมตัวตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆด้วยนะคะ
• วันที่เราสามารถเริ่มงานได้
ควรเผื่อเวลาสัมภาษณ์ที่อื่นด้วยนะคะ (ส่วนใหญ่สัมภาษณ์ครั้งเดียว แต่บางแห่งสัมภาษณ์มากกว่าหนึ่งครั้ง) ส่วนใหญ่จะเริ่มหลังจากตกลงรับเข้างานแล้ว 1 เดือนค่ะ หรือว่าถ้าเป็นบริษัทที่เราถูกใจมาก จะแจ้งบริษัทตอนสัมภาษณ์อีกครั้งก็ได้ค่ะว่า เริ่มได้ทันที
• เงินเดือนที่เราต้องการ
ส่วนใหญ่จะเรียกเท่ากับที่บริษัทลงประกาศไว้ค่ะ หรือถ้าเราเห็นว่าตัวเองยังไม่มีประสบการณ์ อาจจะเรียกต่ำกว่าที่เขาประกาศลงมาได้ค่ะ
ยกตัวอย่าง ประกาศหาล่ามภาษาญี่ปุ่น N2 ประสบการณ์แปลในโรงงาน 1-2 ปี เงินเดือน 35,000 บาท อันนี้เป็นเงินเดือนสำหรับคนที่เคยทำงานมาแล้ว ถ้าน้องจบใหม่ ได้ N1
น้องอาจจะลองยื่นประวัติไปที่ 30,000 แต่ถ้าน้องมั่นใจว่าทำได้แน่นอน จะยื่นที่ 35,000 ไปก็ได้ค่ะ บริษัทจะพิจารณาประวัติและเรียกน้องสัมภาษณ์อีกครั้ง
ทั้งนี้อาจจะมีการต่อรองเงินเดือนกันเกิดขึ้นได้หลังสัมภาษณ์ค่ะ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ไทย ถ้าเราไม่โอเคกับการต่อรองเราสามารถปฏิเสธและหางานอื่นได้นะคะ
ภาษาที่ใช้ในการเขียน Resume หรือ Curriculum Vitae
ภาษาที่ใช้ คือภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น อย่างละ 1 ฉบับ ถึงแม้เราจะสมัครงานในบริษัทญี่ปุ่นก็ตาม อย่าลืมว่า HR บางบริษัท เรียกว่าส่วนใหญ่ก็ว่าได้ เป็นคนไทย เพราะฉะนั้น ฉบับภาษาญี่ปุ่นจึงถือเป็นออบชั่นเสริมมากกว่า
แต่สำหรับบริษัทที่ไม่ได้ใหญ่มาก คนญี่ปุ่นเปิดรับสมัครและสัมภาษณ์เอง ก็สามารถยื่น 履歴書 แบบที่น้องๆ ใช้หางานที่ญี่ปุ่นได้เลยค่ะ เรื่องสีสันของฉบับภาษาอังกฤษ การจัดวางให้เรียบร้อย แต่ตกแต่งรกเงินไป (บางคนแต่งประวัติมาเยอะกินไป ทำให้อ่านยาก แบบเรียบง่ายจะดีที่สุดค่ะ)
ดูเพิ่มได้จากที่นี่ค่ะ: การเขียน Resume หรือ CV ให้ดีงาม
เอกสารอื่นๆ ที่ควรเตรียม (นอกจากประวัติข้างบนแล้ว)
- วุฒิการศึกษา / ทรานสคิปต์ (เตรียมมาจากมหาลัยที่ญี่ปุ่นเลย หลายๆชุด เป็นภาษาอังกฤษ)
- ใบสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น JLPT (รวมถึงใบคะแนน)
- ใบสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ เช่น TOEIC
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- รูปถ่ายหน้าตรง สำหรับสมัครงาน (ถ่ายที่ตู้อัตโนมัติได้ 証明写真)
- ใบรับรองการเข้าอบรม หรือกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำตอนเรียน
- สำหรับน้องผู้ชายควรจะต้องมีใบผ่านการเกณฑ์ทหาร ด้วยค่ะ (หากไม่มีก็สมัครได้)
- และเอกสารอื่นๆ ตามที่ HR แจ้งค่ะ
- ล่ามภาษาญี่ปุ่น JLPT N1/N2 อยู่ที่ 25,000 – 30,000 (ในกรุงเทพ) ต่างจังหวัดตามโรงงานเรตจะสูงกว่านี้ประมาณ 3,000 -5,000 บาท (ล่ามเงินเดือนสตาร์ทสูง แต่เพดานอยู่ที่ 70,000 – 80,000 บาท สำหรับงานประจำ) ถ้าอยากได้สูงกว่านี้จะเป็นล่ามอิสระ
- สาย IT ด้าน Application Development , System Engineer (Software) ตำแหน่ง Coordinator , ล่าม เงินเดือนเริ่มต้น 30,000 - 35,000 บาท (สายนี้ไปเป็น Project Manager ได้ในอนาคตค่ะ เงินเดือนทะลุ 100,000 บาท)
- สาย IT ด้าน Infrastructure, Network, Communication (Hardware) เงินเดือนเริ่มต้น 30,000 – 35,000 บาท สามารถเป็น Project Manager ได้เช่นกัน
- Customer Service ธนาคารญี่ปุ่น เงินเดือนเริ่มต้น 25,000 – 40,000 บาท แล้วแต่คุณสมบัติ
- สายวิศวะ (Engineer) เครื่องกล ไฟฟ้า เงินเดือนเริ่มต้นจะไม่ได้สูงเหมือนสายงานที่ใช้ภาษาเยอะๆ เงินเดือนอาจจะสตาร์ทไม่แตกต่างกับคนที่จบในประเทศไทย แต่อาจจะมีค่าภาษาเพิ่มให้ เช่นถ้าปกติเริ่มที่ 18,000 บาท คนที่ได้ภาษาอาจจะได้ 25,000 บาท
แต่ถ้าเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ และเราได้ภาษาญี่ปุ่นด้วย ในสายงานนี้จะโตได้เร็วมาก เงินเดือนสูงกว่าล่ามแน่นอน ที่สำคัญโรงงานจะมีโบนัสให้เยอะกว่างานในกรุงเทพ
- Sales, Sales Engineer เงินเดือนเริ่มต้น 25,000 - 35,000 บาท ขึ้นอยู่กับระดับภาษา ความถนัด บุคลิก ส่วนใหญ่จะต้องขับรถยนต์ได้ และมีรถยนต์ส่วนตัว (บริษัทจะออกค่าสึกหรอและน้ำมันให้)
- สายแอดมิน, บุคคล (HR), บัญชี ที่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่น 20,000 - 30,000 บาท ถ้ามีความรู้เฉพาะทางด้านบัญชีจะได้สูงขึ้น แต่ถ้ามีประสบการณ์และมี CPA (เป็นออดิทเตอร์) เงินเดือนจะแพงกว่านี้มาก ระดับแสนบาทค่ะ
ใครอยากรู้ตำแหน่งไหนบ้างบอกเพิ่มได้นะคะ (คอมเม้นต์ได้ที่ด้านล่างสุด)
สรุปเรื่องเงินเดือนเริ่มต้น:
1) งานที่โรงงานอุตสาหกรรม (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี) จะได้เงินเดือนเยอะกว่างานในกรุงเทพฯ ประมาณ 20 – 30 % และโบนัสจะเยอะกว่างานในกรุงเทพฯเกินเท่าตัว
2) งานที่ใช้ภาษาโดยตรง เช่น ล่าม จะมีเงินเดือนเริ่มต้นที่สูงกว่าสายเฉพาะทาง แต่ในระยะยาว (3 – 5 ปีขึ้นไป) สายเฉพาะทางที่ได้ภาษา เงินเดือนจะแซงล่ามปกติไปในที่สุด
3) ห้ามทิ้งภาษาอังกฤษเด็ดขาด เพราะประเทศไทยมีบริษัทต่างชาติเยอะมาก และยังเป็นภาษาสากลที่ใช้สื่อสารได้กับทุกบริษัทในประเทศไทย คนที่ได้ภาษาอังกฤษด้วย จะได้ค่าตอบแทนที่สูงกว่า และสามารถเลือกงานได้หลากหลายกว่ามาก
สิ่งสำคัญการหางานที่ไทย ไม่ยากเท่าที่ญี่ปุ่น เท่าที่หนิงทราบ คนที่จบจากญี่ปุ่นไม่มีใครตกงานนะคะ ช่วงปีสุดท้ายอยากทำอะไร ที่ญีปุ่นก็เต็มที่ค่ะ แล้วกลับมาทำงานที่ประเทศเรากันค่ะ ที่นี่มีโอกาสอีกมาก (มากจริงๆ) ที่รอน้องๆอยู่ค่ะ
เราทำงานที่ญี่ปุ่น การที่จะเติบโตขึ้นตำแหน่งสูงๆ น่าจะเป็นไปได้ยากและช้า เพราะเราไม่ใช่คนญี่ปุ่น ถึงจะได้วีซ่าอยู่ถาวรก็ตาม (ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้นะคะ)
แต่ที่ไทยน้องจะได้รับโอกาสแบบนี้มากกว่า เพราะคนญี่ปุ่นโดยเฉพาะระดับผู้บริหารหรือเจ้าของบริษัท เขาจะอยากคนไทยที่มีความสามารถ ดูแลกิจการแทนเขาในไทยมากกว่าคนญี่ปุ่นด้วยกันเอง เพราะยังไงคนไทยก็รู้จักและเข้าใจคนไทยด้วยกันมากกว่าคนญี่ปุ่น
หากเราเป็นนักเรียนทุนฯ ควรจะตรวจสอบเงื่อนไขสัญญาของทุนต่างๆของเราให้ดี เพื่อไม่ให้ผิดสัญญาและเกิดปัญหาต่างๆตามมาภายหลัง
ประเทศไทยยังรอน้องๆและเพื่อนๆกลับมาช่วยกันพัฒนาประเทศอยู่นะคะ
การที่เรากลับมาทำงานที่ประเทศไทย เสียภาษีให้ประเทศไทย ใช้จ่ายในประเทศไทย ก็เป็นการช่วยพัฒนาประเทศไทยอย่างหนึ่งแล้วค่ะ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอะไรเลย
ประเทศของเรา เราต้องช่วยกัน เราไม่ทำ แล้วใครจะทำ จริงไหมคะ
IDEABOY ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนได้งานทำตามที่ตั้งใจไว้ค่ะ